เมื่อพูดถึงเรื่องการเงิน แล้วสิ่งแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของคนทั่วไปคือ “ตัวเลข” และสิ่งที่ตามมาก็คือความรู้สึกว่า “ชั้นไม่ชอบตัวเลข ไม่ชอบการคำนวณเอาซะเลย” ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เราคิดว่า “เราแค่วางแผนการใช้เงินให้เหมือนคนทั่วไปก็พอ”
จริง ๆ แล้วความคิดแบบด้านบนที่กล่าวถึงนั้น เราสามารถพบเจอได้ในคนทั่วไป ซึ่งถ้าจะถามว่าความคิดดังกล่าวนั้นผิดหรือไม่ คำตอบคือไม่ผิด แต่ก็ใช่ว่าจะถูกซะทีเดียว เพราะโดยความจริงแล้ว ถ้าท่านอยากที่จะรำรวย อย่างมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น สิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่งก็คือ “การวางแผนทางการเงิน”
อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องมาเสียใจภายหลัง เมื่อเราแก่ตัวลงไปอาจจะสายไปแล้วก็ได้ ตอนนั้นก็คงได้แต่มานั่งเสียใจว่าทำไมเราไม่วางแผนเรื่องการเงินให้ดี ๆ
ทีนี้เรามาตอบคำถามหลักกันดีกว่าว่า “การวางแผนทางการเงินคืออะไร”
การวางแผนทางการเงินก็คือ การรู้จักใช้เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ มาดูแลบริหารเงินของเราให้เหมาะสม ซึ่งจะประกอบด้วยหลายอย่างที่เชื่อมโยงกัน ทั้งรายได้ รายจ่าย การออม การลงทุน ภาษี การจัดการหนี้สิน รวมไปถึงการเตรียมตัวเพื่อรับกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พูดกันง่าย ๆ ก็คือ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเรา การใช้จ่าย การใช้ชีวิต การหาเงินให้ได้มากน้อยแค่ใหน ต้องเก็บเงินอย่างไร แล้วนำทั้งหมดมาจัดเป็นแผนให้เรามีหลักยึดที่จะใช้ชีวิต เพื่อความร่ำรวยมั่งคั่งในอนาคต
การวางแผนจะช่วยให้เรามีชีวิตทางการเงินที่มั่นคงขึ้น ไม่ต้องกังวลกับอนาคตให้มากนัก และยังสามารถทำความผันที่ต้องการให้เป็นจริงได้
ลองมาดูกันว่าถ้าไม่มีการวางแผนทางการเงินแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเราบ้าง โดยปกติแล้วคนเรามักจะมีความฝันดังนี้
– อยากจะมีเงินสักล้าน
– อยากมีรถยนต์หรูสักคัน
– อยากจะมีบ้านหลังเล็ก ๆ น่ารัก ๆ
– อยากมีงานทำในบริษัทที่มั่นคง เงินเดือนดี ๆ
– อยากท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ยุโรปเอย ญี่ปุ่นเอย
– อยากมีเงินใช้ต่อนแก่แบบสบาย ๆ
แต่ในความเป็นจริงนั้นสิ่งที่เราสัมผัสหรือพบเจอจริง ๆ ก็คือ
– ตั้งใจจะเก็บเงิน แต่มักจะต้องถอนมาใช้ทุกที
– ทำงานมาสิบปีแล้ว เก็บเงินซื้อบ้านได้แค่ครึ่งหลัง
– เงินที่มีอยู่บวกกับเงินกู้ ซื้อได้แค่รถญี่ปุ่นมือสองเอง
– นอนดูรายการท่องเที่ยวอยู่ที่บ้านแทนการไปเที่ยวจริง ๆ
– อย่าว่าแต่เงินที่จะใช้ตอนแก่ เงินที่จะใช้ตอนนี้ยังไม่มีเลย
– มีแต่ข่าวที่จะเอาพนักงานออก มากกว่าการปรับเงินเดือนอีก
จะเห็นได้ชัดว่า ความฝันกับความเป็นจริงที่เป็นอยู่มักจะตรงข้ามกันเสมอ นั่นเพราะเราไม่ได้รู้จักการวางแผนทางการเงินที่ดี ไม่ได้รู้จักกับวิธีการจัดการทรัพย์สินที่ถูกต้องนั่นเอง
สรุปแล้วการวางแผนทางการเงินนั้นมีข้อดีต่าง ๆ มากมากเช่น
– เป็นตัวการันตี ในยามฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วยหรือตกงาน
– สามารถดูแลค่าใช้จ่ายประจำได้ เช่น ค่าอาหาร เสื้อผ้า ค่าเดินทาง
– บริหารค่าใช้จ่ายขาจร เช่น ค่าซ่อมรถ ค่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า
– สร้างความสำเร็จสู่เป้าหมายพิเศษ เช่น ฮันนีมูน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ท่องเที่ยว
– และที่สำคัญที่สุดคือ สร้างความมั่นคง และความมั่นใจต่ออนาคตของเราได้
เงินไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่จริง ๆ แล้วเป็นชีวิตประจำวันของพวกเราเลยทีเดียว แต่ทว่าโรงเรียนและครอบครัวของเรามักจะให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเงินน้อยมาก ๆ ดังนั้นเราก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้เรื่องการบริหารเงินของเราเลย นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ว่า ทำไมเราจึงต้องเริ่มการเรียนรู้ที่จะวางแผนการเงินนั่นเอง
