การซื้อบ้านสักหลังนึงนั้น ถือว่าเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเรา ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องพร้อมที่สุดเพื่อการเป็นหนี้ก้อนใหญ่ครั้งนี้ การที่เราจะรู้ได้ว่าเราพร้อมที่จะซื้อบ้านหรือเปล่านั้น ให้ลองดูหัวข้อเหล่านี้เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ
1. ถ้างานยังไม่มั่นคง อย่าเพิ่งซื้อ เนื่องจากการซื้อบ้านนั้นเป็นการเป็นหนี้ระยะยาว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รายได้หลักของเราจะต้องมั่นคง ให้ท่องไว้เลยว่า “ถ้ารายได้ประจำยังไม่มั่นคง อย่าเพิ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่” เช่นเรายังมีปัญหากับเจ้านายบ่อย ๆ พร้อมที่จะโดนไล่ออกได้ทุกเมื่อ หรือบริษัทที่เราทำงานอยู่นั้น ไม่มั่นคงเอาซะเลย จะเจ๊งแหล่ไม่แหล่ หรืองานที่เราทำไม่ใช่งานที่เรารักเลย อยากจะลาออกวันละสามเวลา นั่นก็แปลว่าเรายังไม่พร้อมที่จะมีหนี้ก้อนใหญ่ อาจจะไม่ใช่จังหวะเหมาะสมที่จะเป็นหนี้นัก
2. ถ้าไม่เข้าใจเรื่องดอกเบี้ยหรือการเป็นหนี้อย่างแท้จริง อย่าเพิ่งซื้อ ความเข้าใจในอัตราดอกเบี้ยและการเป็นหนี้นั้น เป็นความจำเป็นพื้นฐานสำหรับคนที่จะเป็นหนี้ก่อนใหญ่ อย่าหลงเชื่อกับโปรโมชันประเภท “ผ่อนเพียงเดือนละ 999 บาท” หรือ “อยู่ก่อนผ่อนที่หลัง” อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาในโบรชัวร์เด็ดขาด การผ่อนชำระต่ำนั่นหมายความว่า เราต้องเป็นหนี้ไปอีกนาน หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นหนี้หัวโตนั่นเอง ถ้าเราไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวเลขการผ่อนต่อเดือน อย่าเพิ่งเป็นหนี้เด็ดขาด
3.ถ้าบ้านเกินงบ อย่าเพิ่งซื้อ ถ้าเราผ่านข้อจำกัด 2 ข้อข้างต้นมาแล้ว ให้มาลองพิจรณาราคาของบ้านที่จะซื้อ บ้านที่จะซื้อนั้นจะต้องไม่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้ อย่ากัดฟันผ่อนบ้านเพราะเหตุผลเพียงแค่ว่า นี่คือบ้านในฝัน ถอนเงินออมทั้งหมดมาเป็นเงินดาวน์ จงอย่าลืมว่าบ้านยิ่งแพง ค่าดูแลต่อเดือนก็ยิ่งสูง รวมถึงอย่าลืมคำนวณเรื่องของ ค่าตกแต่ง ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าอื่น ๆ อีกจิปาฐะเข้าไปรวมกับราคาบ้านด้วย จะทำให้เรารู้ราคาบ้านที่แท้จริง และจัดการเรื่องการเป็นหนี้ได้ถูกต้อง
4.การรอคอยให้พร้อมก่อนซื้อ เป็นเรื่องที่ดี บางคนคิดว่า ยิ่งซื้อบ้านช้ายิ่งขาดทุน แต่โดยความจริงแล้ว “การซื้อบ้านเมื่อไม่พร้อม” ไม่ใช่แต่ตัวเราจะขาดทุน อาจจะทำให้เราล้มละลายได้เลย การเตรียมความพร้อมเรื่องการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราเดินทางพลาดไป อาจจะต้องทำให้เสียบ้านไป (โดนธนาคารยึด) พร้อมทั้งความน่าเชื่อถือทางการเงินที่หายไปอีกด้วย ดังนั้นให้ท่องไว้ว่า “ไม่พร้อมอย่าซื้อ”
